รู้ก่อนซื้อ! ข้อดีข้อเสียของกระเบื้องปูพื้นแต่ละชนิด
หลายคนที่กำลังสร้างบ้านหรือรีโนเวทมักเผชิญกับโจทย์ยากในการเลือกกระเบื้องปูพื้น ที่เหมาะกับการใช้งาน งบประมาณ และสไตล์ที่ชอบ บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับกระเบื้องปูพื้นแต่ละประเภท พร้อมข้อดีข้อเสียแบบไม่มีกั๊ก เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจก่อนควักกระเป๋า!
กระเบื้องเซรามิค (Ceramic Tile)
กระเบื้องปูพื้นชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในบ้านเรา ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และมีให้เลือกหลากหลาย
ข้อดี:
- ราคาไม่แพง เริ่มต้นประมาณ 200-300 บาทต่อตารางเมตร
- ทนทานต่อการใช้งานทั่วไปได้ดี
- ดูแลรักษาง่าย เพียงเช็ดทำความสะอาด
- มีลวดลายและสีสันให้เลือกมากมาย
- ทนความร้อนได้ดี
ข้อเสีย:
- แตกร้าวง่ายกว่ากระเบื้องพอร์ซเลน
- ดูดซึมน้ำได้มากกว่า (มีอัตราการดูดซึมน้ำ 3-7%)
- ไม่เหมาะกับพื้นที่เปียกชื้นมาก เช่น สระว่ายน้ำ
- เวลาของหล่นกระแทกมีโอกาสแตกเสียหายได้ง่าย
เหมาะกับ: ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว และพื้นที่ใช้งานทั่วไปในบ้าน
กระเบื้องพอร์ซเลน (Porcelain Tile)
ถือเป็นกระเบื้องปูพื้นระดับพรีเมียมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ข้อดี:
- แข็งแรงทนทานมาก เหมาะกับพื้นที่การใช้งานหนัก
- อัตราการดูดซึมน้ำต่ำมาก (น้อยกว่า 0.5%)
- ทนต่อรอยขีดข่วน คราบสกปรก และสารเคมี
- ทนความร้อนและความเย็นได้ดีเยี่ยม
- มีลวดลายเลียนแบบวัสดุธรรมชาติได้สมจริง เช่น ลายหินอ่อน ลายไม้
ข้อเสีย:
- ราคาสูงกว่าเซรามิค (เริ่มต้นประมาณ 400-600 บาทต่อตารางเมตร)
- น้ำหนักมาก ติดตั้งยากกว่า ต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญ
- ลื่นได้หากเลือกผิวมัน โดยเฉพาะเมื่อเปียกน้ำ
- ตัดยาก ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทาง
เหมาะกับ: พื้นที่ภายนอก ห้องน้ำ ห้องครัว และพื้นที่ที่มีการสัญจรหนาแน่น
กระเบื้องแกรนิต (Granite Tile)
กระเบื้องปูพื้นที่ทำจากหินแกรนิตธรรมชาติ ให้ความหรูหราแบบคลาสสิค
ข้อดี:
- สวยงามด้วยลวดลายธรรมชาติที่ไม่ซ้ำแบบใคร
- แข็งแรงทนทานสูง
- ทนความร้อนได้ดีเยี่ยม
- อายุการใช้งานยาวนานมาก บางบ้านใช้เป็นสิบๆ ปี
- มูลค่าของบ้านสูงขึ้นเมื่อใช้วัสดุนี้
ข้อเสีย:
- ราคาแพง (เริ่มต้นประมาณ 1,500-3,000 บาทต่อตารางเมตร)
- น้ำหนักมาก ต้องเตรียมโครงสร้างรองรับให้ดี
- ต้องทำการเคลือบผิวเป็นระยะเพื่อป้องกันการซึมของคราบ
- ติดตั้งยุ่งยาก ต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญ
- อาจมีรังสีตามธรรมชาติในปริมาณเล็กน้อย
เหมาะกับ: พื้นที่ที่ต้องการความหรูหรา เช่น ล็อบบี้ ห้องรับแขก บันได
กระเบื้องหินอ่อน (Marble Tile)
กระเบื้องปูพื้นจากหินอ่อนธรรมชาติที่ให้ความหรูหราระดับสูง
ข้อดี:
- สวยงามโดดเด่นด้วยลวดลายเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์
- ดูมีระดับ เพิ่มมูลค่าให้กับบ้าน
- เย็นตามธรรมชาติ เหมาะกับสภาพอากาศร้อน
- สามารถขัดใหม่ได้เมื่อเกิดรอยขีดข่วน
ข้อเสีย:
- ราคาสูงมาก (เริ่มต้นประมาณ 2,000-5,000 บาทต่อตารางเมตร)
- อ่อนไหวต่อสารกัดกร่อน น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว
- ดูดซึมน้ำและคราบสกปรกได้ง่าย ต้องทำการเคลือบผิวบ่อย
- ขีดข่วนง่าย โดยเฉพาะหินอ่อนสีอ่อน
- ลื่นเมื่อเปียกน้ำ
เหมาะกับ: พื้นที่ที่ต้องการความหรูหรา แต่มีการสัญจรไม่มาก เช่น ห้องนอนใหญ่ ห้องรับแขกพิเศษ
กระเบื้องยาง (Vinyl Tile)
นวัตกรรมกระเบื้องปูพื้นที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ข้อดี:
- ราคาประหยัด (เริ่มต้นประมาณ 300-800 บาทต่อตารางเมตร)
- น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย บางชนิดเป็นระบบคลิกล็อก DIY ได้
- นุ่มกว่ากระเบื้องทั่วไป ลดเสียงเดินและการกระแทก
- ทนน้ำได้ดี
- มีลวดลายเลียนแบบไม้และวัสดุธรรมชาติได้สมจริง
- รองรับแรงกระแทกได้ดี ไม่แตกร้าวง่าย
ข้อเสีย:
- อายุการใช้งานสั้นกว่ากระเบื้องเซรามิคและพอร์ซเลน (5-20 ปี)
- ไม่ทนต่อความร้อน วัตถุร้อนอาจทำให้เกิดรอยไหม้
- สีอาจซีดจางเมื่อโดนแสงแดดเป็นเวลานาน
- ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่าวัสดุธรรมชาติ
- บางประเภทอาจปล่อยสารระเหย (VOCs)
เหมาะกับ: ห้องนอนเด็ก ห้องเล่น พื้นที่ที่ต้องการความนุ่มหรือลดเสียง และพื้นที่ที่ต้องการความทนทานต่อความชื้น
กระเบื้องโมเสก (Mosaic Tile)
กระเบื้องปูพื้นขนาดเล็กที่นำมาประกอบเป็นลวดลายต่างๆ
ข้อดี:
- สวยงาม สร้างลวดลายและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์
- มีความยืดหยุ่นในการออกแบบสูง
- กันลื่นได้ดี เพราะมีรอยต่อเยอะ
- เหมาะกับพื้นที่ที่มีรูปทรงไม่สม่ำเสมอ
ข้อเสีย:
- ราคาค่อนข้างสูง (เริ่มต้นประมาณ 1,000-3,000 บาทต่อตารางเมตร)
- ติดตั้งยุ่งยาก ใช้เวลานาน
- ทำความสะอาดยาก โดยเฉพาะรอยต่อยาแนว
- อาจเกิดเชื้อราบริเวณยาแนวหากทำความสะอาดไม่ดี
เหมาะกับ: ห้องน้ำ ผนังตกแต่ง หรือพื้นที่พิเศษที่ต้องการความโดดเด่น
กระเบื้องดินเผา (Terracotta Tile)
กระเบื้องปูพื้นจากดินเหนียวที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบชนบท
ข้อดี:
- ให้บรรยากาศอบอุ่น แบบคันทรี่หรือรัสติก
- เป็นวัสดุธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- อายุการใช้งานยาวนานหากดูแลรักษาดี
- รักษาอุณหภูมิได้ดี เย็นในหน้าร้อน อุ่นในหน้าหนาว
ข้อเสีย:
- ดูดซึมน้ำสูง ต้องเคลือบผิวบ่อย
- ขีดข่วนง่าย และเกิดรอยเปื้อนได้ง่าย
- ความสม่ำเสมอของสีและขนาดอาจไม่เท่ากัน
- ต้องการการบำรุงรักษามากกว่าวัสดุอื่น
เหมาะกับ: พื้นที่สไตล์ชนบท ทางเดินในสวน ระเบียง พื้นที่ต้องการความอบอุ่นเป็นธรรมชาติ
เทคนิคการเลือกกระเบื้องปูพื้นให้เหมาะกับการใช้งาน
- พิจารณาพื้นที่ใช้งาน:
- พื้นที่เปียกชื้น เช่น ห้องน้ำ → เลือกกระเบื้องที่มีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำ
- พื้นที่ภายนอก → เลือกกระเบื้องที่ทนทานต่อสภาพอากาศ
- ห้องนอน → เลือกกระเบื้องที่ไม่เย็นเกินไปหรือใช้ร่วมกับพรม
- คำนึงถึงความปลอดภัย:
- พื้นที่ที่มีเด็กและผู้สูงอายุ → เลือกกระเบื้องผิวด้าน กันลื่น
- ห้องน้ำ → เลือกกระเบื้องที่มีค่าความต้านทานการลื่นสูง (R10-R12)
- งบประมาณ:
- ควรคำนวณทั้งค่าวัสดุและค่าติดตั้ง
- บางชนิดอาจมีราคาถูกแต่ค่าติดตั้งแพง
- การดูแลรักษา:
- หากไม่มีเวลาดูแล → เลือกกระเบื้องที่ทำความสะอาดง่าย
- พื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก → เลือกวัสดุทนทาน ไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อย
- สไตล์การตกแต่ง:
- บ้านสไตล์โมเดิร์น → กระเบื้องโทนสีเรียบ ผิวมัน
- บ้านสไตล์คันทรี่ → กระเบื้องดินเผา หรือลายไม้
- บ้านหรูหรา → กระเบื้องหินอ่อน หินแกรนิต
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกระเบื้องปูพื้น
Q: กระเบื้องปูพื้นชนิดไหนทนที่สุด?
A: กระเบื้องพอร์ซเลนถือว่าทนที่สุดในกลุ่มกระเบื้องทั่วไป ส่วนหินแกรนิตทนที่สุดในกลุ่มหิน
Q: กระเบื้องชนิดไหนเหมาะกับห้องน้ำ?
A: กระเบื้องพอร์ซเลนแบบผิวด้านหรือกระเบื้องโมเสกเหมาะสมที่สุด เพราะทนน้ำและกันลื่นได้ดี
Q: ห้องครัวควรใช้กระเบื้องแบบไหน?
A: กระเบื้องพอร์ซเลนเหมาะกับห้องครัว เพราะทนต่อคราบและทำความสะอาดง่าย หลีกเลี่ยงหินอ่อนเพราะไวต่อสารกัดกร่อนในอาหาร
Q: กระเบื้องปูพื้นอายุการใช้งานเฉลี่ยกี่ปี?
A: ขึ้นอยู่กับชนิด การดูแล และการใช้งาน
- กระเบื้องเซรามิค: 10-20 ปี
- กระเบื้องพอร์ซเลน: 20-30 ปี
- หินแกรนิต: 30-50 ปี หรือมากกว่า
- กระเบื้องยาง: 5-20 ปี
Q: พื้นที่ภายนอกควรใช้กระเบื้องชนิดไหน?
A: กระเบื้องพอร์ซเลนสำหรับภายนอกโดยเฉพาะ (Outdoor Porcelain) หรือกระเบื้องดินเผาที่เคลือบผิวป้องกันความชื้น
การเลือกกระเบื้องปูพื้นให้เหมาะสมไม่ใช่เรื่องยาก หากเข้าใจข้อดีข้อเสียของแต่ละประเภท และคำนึงถึงการใช้งานจริงในพื้นที่นั้นๆ หวังว่าข้อมูลในบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกกระเบื้องปูพื้นได้อย่างมั่นใจ และได้วัสดุที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความสวยงามและประโยชน์ใช้สอยไปพร้อมกัน!

Comments
Post a Comment